หน้าหลัก
ผลิตภัณฑ์และบริการ
โปรโมชั่น
ความรู้เกี่ยวกับธุรกิจ
SME Focus Magazine
งานสัมมนา
โครงการอบรม
คำนวณสินเชื่อเบื้องต้น
ค้นหาจุดบริการ
อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ

FOLLOW US Krungthai SME​


Krungthai SME

กรุงไทยเผยกลยุทธ์รับมือความเสี่ยงนำพาธุรกิจอ่อนไหวให้อยู่รอดได้

 

กรุงไทยเผยกลยุทธ์รับมือความเสี่ยง

นำพาธุรกิจอ่อนไหวให้อยู่รอดได้
 

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาธนาคารกรุงไทยให้ความสำคัญต่อการบริหารความเสี่ยงและการควบคุมความเสี่ยงอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ เพื่อทำความเข้าใจในเรื่องนี้ให้มากขึ้น คุณปวีณา เลิศวรวนิช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารกลุ่ม กลุ่มบริหารความเสี่ยง 2 ธนาคารกรุงไทย พร้อมแบ่งปันความรู้ รวมถึงแนะนำช่องทางและโอกาสให้กับเอสเอ็มอีไทยกลุ่มธุรกิจอ่อนไหวที่อาจจะไม่ได้รับการช่วยเหลือจากมาตรการต่าง ๆ เป็นอันดับแรก ๆ ให้สามารถผ่านพ้นและมีกำลังพอที่จะเติบโตต่อไปได้ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่ผันผวน


ขุมพลังเบื้องหลังช่วยให้ลูกค้าเติบโตอย่างยั่งยืน

คุณปวีณาบอกถึงขอบเขตความรับผิดชอบของกลุ่มบริหารความเสี่ยง ธนาคารกรุงไทยว่า “กลุ่มบริหารความเสี่ยงทำหน้าที่วิเคราะห์และรายงานสถานะความเสี่ยงของธนาคารในด้านต่าง ๆ ตลอดจนพิจารณาค่าดัชนีชี้วัดความเสี่ยง (Key Risk Indicator: KRI) ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (Risk Appetite) และระดับความเสี่ยงที่ทนได้ (Risk Tolerance) และจัดให้มีการประเมินความเสี่ยงตนเอง เพื่อให้ผู้บริหารและพนักงานทุกระดับ ตระหนักและมีความเข้าใจตรงกันถึงความสำคัญของการบริหารความเสี่ยงรวมทั้งมีแนวทางป้องกันและควบคุมความเสี่ยงของธนาคารที่เหมาะสมเพื่อร่วมกันสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธนาคารได้อย่างยั่งยืน”


            “นอกจากนี้ในการบริหารความเสี่ยง ยังมีการพิจารณาปรับปรุง / ทบทวนนโยบายระเบียบต่าง ๆ ด้านความเสี่ยงโดยรวมของธนาคารเพื่อรองรับกฎเกณฑ์ของทางการ มาตจฐานสากลรวมถึงเทรนด์ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นด้วย เช่น การพิจารณาปัจจัยความเสี่ยงที่คำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) โดยหน้าที่ของหน่วยงานเราคือการสื่อความกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในธนาคารเพื่อให้เกิดความเข้าใจในกระบวนการและหลักการของการให้สินเชื่อ ทั้งนี้ในการบริหารความเสี่ยงของธนาคารเราไม่ได้ดูแลแค่ SME แต่ดูแลลูกค้าทุก Segment ของธนาคาร”


 

 

หลากหลายความเสี่ยง ต้องรู้ลึก รู้รอบ  

เนื่องจากการบริหารความเสี่ยงมีหลายด้าน เช่น ความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit Risk) ซึ่งกระบวนการบริหารความเสี่ยงด้านเครดิตจะเริ่มตั้งแต่การทำการตลาดกับลูกค้า จนถึงลูกค้าชำระหนี้เสร็จสิ้นให้ธนาคาร ความเสี่ยงด้านตลาด (Market Risk) และความเสี่ยงด้านปฏิบัติการ เป็นต้น คุณปวีณาฉายภาพให้เห็นชัดเจนขึ้นว่า “ความเสี่ยงสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดกระบวนการ แต่เราจะต้องพิจารณาว่า เป็นความเสี่ยงที่ธนาคารรับได้แค่ไหน มีการควบคุมความเสี่ยงอย่างไร โดยภาพรวมในกระบวนการสินเชื่อธนาคารต้องมีการบริหาร Portfolio เพื่อพิจารณาว่าสถานะลูกหนี้ใน Portfolio ของธนาคารว่าเป็นอย่างไร นอกจากนี้ธนาคารยังมีการพัฒนาเครื่องมือต่าง ๆ ประกอบ เช่น อันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) สำหรับลูกค้าขนาดใหญ่ จนถึงลูกค้า SME และ Credit Scoring สำหรับลูกค้าขนาดเล็ก รวมทั้งกำหนดให้มีการ Check and Balance ระหว่างหน่วยงาน และการพิจารณาสินเชื่อจะต้องมีการพิจารณา Key Risk, Key Success จุดอ่อนและจุดแข็งของลูกค้าว่าเป็นอย่างไร เพื่อนำมากำหนดเงื่อนไขที่เหมาะสมเพื่อเปิด / ปิดความเสี่ยงให้แก่ธนาคารและลูกค้ายอมรับได้”

 

 

ธุรกิจอ่อนไหวเผชิญความเสี่ยงรอบด้าน
แต่เอาตัวรอดได้ หากปรับตัวให้ทันสถานการณ์

“คุณปวีณาบอกว่าธุรกิจอ่อนไหว เช่น อัญมณี เครื่องหนัง เสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่ม เผชิญความเสี่ยงหลายประการทั้งจากโควิด 19 ที่ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจซบเซาทั่วโลก กำลังซื้อทั้งในและต่างประเทศหดตัวลง มีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทั้งต้นทุนค่าแรง ต้นทุนการดำเนินงาน ต้นทุนพลังงาน รวมถึงต้นทุนทางการเงิน เช่น ดอกเบี้ย แต่ธุรกิจเหล่านี้ยังมีโอกาสที่จะอยู่รอดและเติบโตต่อไปได้ โดยต้องมีการปรับตัวและทำความเข้าใจกับเทรนด์ต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงบริหารจัดการภายในด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้เพื่อช่วยเพิ่มมูลค่า ตลอดจนพัฒนาทักษะพนักงานเพื่อให้ต้นทุนต่ำลงและแข่งขันได้”

 

“โดยหลักแล้วธุรกิจอัญมณีส่วนใหญ่เป็น OEM  และลูกค้า SME ไม่มีแบรนด์ของตัวเอง มีอำนาจในการต่อรองต่ำ อีกทั้งยังมีต่างประเทศ เช่น อิตาลี จีน ฮ่องกง เข้ามาตีตลาด ทำให้เผชิญการแข่งขันสูง โดยเฉพาะตลาดที่เราส่งออก แม้แรงงานไทยมีฝีมือเจียระไน ขึ้นรูป ได้รับการยอมรับในระดับสากล ส่งออกติด 1 ใน 3 มายาวนานก็ตาม แต่อาจได้รับผลกระทบจากนวัตกรรมและเทคโนโลยีของประเทศต่าง ๆ ที่นำมาใช้ในกระบวนการผลิตซึ่งก้าวหน้าขึ้น เช่น 3D Printing CNC Machining  ที่มีความละเอียดและสามารถผลิตได้ครั้งละมาก ๆ ในขณะที่บางประเทศอาจมีต้นทุนการผลิตต่ำกว่า จึงต้องเร่งปรับตัวด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของลูกค้าควบคู่กับการสร้างแบรนด์ของตัวเอง เพื่อลดการพึ่งพา ในส่วนของธุรกิจหนัง เช่น ผลิตภัณฑ์หนังต่าง ๆ สำหรับตลาดในประเทศจะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ในส่วนของต่างประเทศ การส่งออกมีสัดส่วนประมาณ 40% คาดว่าปีนี้หรือปีหน้ามีโอกาสที่จะขยายตัว แม้จะไม่เยอะมากเพราะได้รับแรงกดดันอยู่ แต่ก็ได้อานิสงส์จากอุตสาหกรรมกระเป๋าและเครื่องใช้ที่เกี่ยวกับการเดินทาง เพราะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฟื้นตัวเป็นลำดับ แต่ต้องระวังค่าครองชีพที่สูงขึ้น กำลังซื้อชะลอตัว สินค้าจากจีนจะแทรกเข้ามาเพราะได้เปรียบเรื่องต้นทุนและราคาซึ่งกระทบต่อลูกค้าในกลุ่ม Mass ได้ SME ไทยก็ควรหันไปผลิตสินค้า Luxury Brand สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงขึ้น ซึ่งกลุ่มนี้อาจจะมีโอกาสฟื้นตัวมากกว่า”

“ในส่วนของเครื่องนุ่งห่ม 67% มาจากตลาดส่งออก ซึ่งประเทศคู่ค้าหลัก ๆ ที่ส่งออกคือ EU สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ก็มีแนวโน้มชะลอตัว รวมทั้งยังมีปัจจัยความเสี่ยง ทั้งจากค่าไฟฟ้า ค่าวัตถุดิบ และค่าแรงงานที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้ต้นทุนการดำเนินการเพิ่มขึ้น ประกอบกับที่เราถูกระงับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) อาจทำให้ต้นทุนการแข่งขันของเราสู้กับคู่แข่งไม่ได้ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามที่มีค่าแรงต่ำกว่า และยังคงได้รับสิทธิ์นี้อยู่ ส่วนตลาดในประเทศอาจมีการแข่งขันด้านราคา E- commerce จากต่างประเทศ ประกอบกับภาวะเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง กระทบกับกำลังซื้อ อาจทำให้ลูกค้าไปเลือกซื้อสินค้าอื่นที่จำเป็นมากกว่าสินค้าแฟชั่น”


ระวังโดนกีดกันทางการค้าจากประเด็นสิ่งแวดล้อม

อีกมิติที่คุณปวีณามองว่าเป็นความเสี่ยงของธุรกิจ คือ ปัจจัยด้าน ESG เพราะเป็นเทรนด์ของโลก หลาย ๆ ประเทศที่ใช้เป็นข้ออ้างเรื่องสิทธิมนุษยชน ค่าจ้างไม่เป็นธรรม ซึ่งในอนาคตอาจจะนำมาใช้เป็นข้อกีดกันได้ ทางผู้ประกอบการจึงต้องเตรียมความพร้อมของข้อมูลและทำความเข้าใจ ปรับตัวทางธุรกิจ ผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค รวมถึงเทรนด์ที่กำลังมาแรง เช่น กระแสรักษ์โลก และควรขยายช่องทางจำหน่ายควบคู่กันไปทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ขณะเดียวกันต้องบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ ก็จะช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดต่อไปได้ในสถานการณ์เช่นนี้ อย่างธุรกิจเครื่องหนังต้องดูเรื่องบำบัดน้ำเสีย การแปรรูปรีไซเคิลเศษหนังเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ถือเป็นการลดต้นทุนและใช้ทรัพยากรคุ้มค่า เป็นต้น และในอนาคตอาจต้องเตรียมรับมือกับ Carbon Tax ด้วยเช่นกัน

ล้อมกรอบ

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการบริการทางการเงินสำหรับ SME จากธนาคารกรุงไทย หากผู้ประกอบการต้องการข้อมูลหรือคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่สินเชื่อ SME ที่สำนักงานธุรกิจของธนาคารกรุงไทยทั่วประเทศ หรือ โทร. 0-2111-1111