การทำบัญชีอาจเป็นงานที่ธุรกิจขนาดเล็กๆ ไม่ค่อยให้ความสนใจ แต่ยิ่งธุรกิจมีขนาดใหญ่ขึ้น ก็ยิ่งต้องให้ความสำคัญด้านบัญชีมากขึ้น ดังจะเห็นได้ว่าในบริษัทใหญ่ๆ มีการตั้งตำแหน่ง CFO ขึ้นมาเป็นหัวหน้าของฝ่ายบัญชีและการเงินทั้งหมดในบริษัทเลยทีเดียว
ถ้าถามว่างานบัญชีสำคัญอย่างไร? ถ้าจะตอบให้สั้นๆ งานบัญชีถึงที่สุดแล้ว มันไม่ใช่แค่งานที่บันทึกรายรับ-รายจ่ายของบริษัท แต่มันคืองานที่เฝ้าดูและดูแลการไหลเวียนของ “เงิน” ของบริษัททั้งหมด และถ้าบริษัทมีจุดประสงค์พื้นฐานคือการสร้างผลกำไรแล้ว งาน “ผู้ดูแลเงิน” อย่างงานบัญชีก็คงจะสำคัญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สำหรับธุรกิจขนาดเล็กๆ ผู้ประกอบธุรกิจอาจไม่เข้าใจนักว่าทำไมต้องจ้างนักบัญชีให้เปลืองเงิน เพราะงานบัญชีเป็นสิ่งที่เจ้าของบริษัททำเองได้ไม่ยากนัก อย่างไรก็ดี ถ้าบริษัทใหญ่ขึ้น มีแผนกต่างๆ มีความซับซ้อนทางธุรกิจมากขึ้น ถ้าเจ้าของธุรกิจยังมานั่งทำบัญชีเองอยู่ ก็อาจไม่มีเวลามาดูแลส่วนอื่นๆ ของธุรกิจ นี่แหละครับจุดที่ควรจะจ้างนักบัญชีเข้ามาทำงานในบริษัท
นักบัญชีหรือฝ่ายบัญชีมีหน้าที่อะไรบ้าง และมีความสำคัญอย่างไร?
หลักๆ แล้ว ก็แน่นอนว่าต้อง “ทำบัญชี” ซึ่งก็คือการลงบันทึกงบรายรับ-รายจ่ายของบริษัททั้งหมด อย่างเป็นระบบและเป็นไปตามมาตรฐานทางการบัญชี นอกจากนี้ นักบัญชีก็มีหน้าที่ต้องจัดการด้านภาษีทั้งหมดของบริษัทด้วย คือต้องรู้หมดว่าบริษัทต้องเสียภาษีอย่างไร? ลดหย่อนได้ตรงไหนบ้าง? ต้องจัดเตรียมหลักฐานไปยื่นภาษีอย่างไร?
สิ่งเหล่านี้อาจฟังดูง่ายๆ แต่ในทางปฏิบัติมันมีรายละเอียดมากและต้องการการอัปเดตตลอด และฝ่ายบัญชีมีหน้าที่ต้องสร้างหลักประกันว่าบริษัทจะต้องมีหลักฐานทางบัญชีสำหรับยื่นภาษีอย่างถูกต้อง และเหมาะสม
เท่านั้นยังไม่พอ ฝ่ายบัญชีก็มีหน้าที่จะต้องทำการอัปเดตเรื่องภาษีให้บริษัทได้ประโยชน์ที่สุด เช่น ถ้ารัฐบาลประกาศเพิ่มค่าลดหย่อนสำหรับรายจ่ายบางแบบของบริษัท ฝ่ายบัญชีก็มีหน้าที่ไม่ใช่แค่คำนวณว่าจะลดหย่อนเพิ่มได้เท่าไหน แต่มีหน้าที่ต้องทำความเข้าใจว่าต้องใช้หลักฐานชนิดใดบ้างเพื่อจะใช้สิทธิ์ลดหย่อนตรงนี้ได้ พร้อมจัดเตรียมหลักฐานให้ครบก่อนยื่นภาษีด้วย
และสิ่งเหล่านี้จำเป็นสุดๆ เพื่อให้บริษัทได้กำไรสูงสุดอย่างถูกต้องตามกฎหมาย กล่าวคือถ้าฝ่ายบัญชีนั้นสามารถหาค่าใช้จ่ายพร้อมหลักฐานมาลงในบัญชีพร้อมยื่นภาษีได้ไม่ครบ ผลกำไรที่เกิดจากการทำรายได้ของบริษัทมาทั้งปีก็อาจลดลงเกินควรได้
พูดอีกแบบฝ่ายบัญชีเป็นเหมือนผู้รักษาประตูหรือปราการด่านสุดท้ายของการทำเงินของบริษัท ในแต่ละปีว่าจะได้อัตราผลกำไรแค่ไหน ดังนั้นฝ่ายบัญชีถึงจะไม่ใช่ฝ่ายที่สร้างรายได้โดยตรงให้กับบริษัท แต่ก็เป็นฝ่ายที่ชี้เป็นชี้ตายกับผลกำไรของบริษัท และมีความสำคัญมาก
แล้วผู้สอบบัญชีมีหน้าที่อะไร และมีความสำคัญอย่างไร?
รัฐบาลจะใช้หลักการอะไร ดูว่าบัญชีที่บริษัททำมานั้นถูกต้องจริง ถ้าในแต่ละครั้งให้ทางกรมสรรพากรตรวจสอบบัญชีทุกบริษัท ก็เป็นงานที่หนักเกินไป ดังนั้นจึงมีกฎหมายเข้ามาควบคุมธุรกิจโดย รัฐจะไม่ลงไปตรวจบัญชีของภาคธุรกิจด้วยตัวเอง แต่ภาคธุรกิจ (ประเภทนิติบุคคล) ต้องจ้างผู้สอบบัญชีภายนอกบริษัทซึ่งมีใบอนุญาตถูกต้อง มาตรวจสอบ และยืนยันความถูกต้องของบัญชีที่ฝ่ายบัญชีของบริษัทเราทำอีกที ซึ่งถ้าถูกต้อง เขาก็จะเซ็นให้ เป็นการยืนยันว่ารายได้เราเท่านี้ รายจ่ายเราเท่านี้ และผลกำไรเราเท่านี้จริง และทางสรรพากร ก็จะเอาผลกำไรของเราที่ได้รับการยืนยันนี้ไปคำนวณรายได้ที่เราต้องเสียภาษีอีกที
ที่ว่ามาทั้งหมด ก็จะเห็นได้ว่าคนที่จะเป็นฝ่ายบัญชีได้ดี ก็ไม่ใช่ต้องมีความรู้เรื่องบัญชีเป็นอย่างดีเท่านั้น แต่ที่ต้องรู้ดีมากๆ ก็คือกฎหมายที่เกี่ยวกับภาษีและการทำบัญชีทั้งหมด รวมถึงสามารถร่วมงานกับผู้สอบบัญชีภายนอกบริษัทที่จะเข้ามาทำงานตรวจสอบบัญชีในทุกๆปี ทั้งหมดนี้คือตัวชี้วัดว่า “ทำบัญชี” เก่งไม่เก่ง หรือ ถ้าจะเหนือกว่านั้น การที่นักบัญชีมีความรู้ด้านการเงินหรือทางเศรษฐศาสตร์ มันก็จะทำให้นักบัญชีมองภาพ ได้กว้างขึ้น เช่น จะมีความรู้ว่าบัญชีหน้าตาแบบไหนที่ธนาคารจะอยากให้กู้เงิน บัญชีหน้าตาแบบไหน ที่นักลงทุนจะอยากลงทุน และถ้านักบัญชีสามารถทำงานโดยมีสิ่งเหล่านี้อยู่ในกระบวนการคิดแล้ว นักบัญชี ก็น่าจะเป็นบุคลากรสำคัญ ที่จะมีส่วนช่วยให้ธุรกิจเติบโตต่อไปได้
ติดตามความรู้เกี่ยวกับการทำธุรกิจ SMEs อื่นๆ และข้อมูลผลิตภัณฑ์สินเชื่อธุรกิจ SMEs ได้ที่ Facebook Fanpage Krungthai SME หรือ ทาง Website https://sme.ktb.co.th/