ในยุคนี้ก็คงปฏิเสธไม่ได้อีกแล้วว่าโลกอินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งที่สำคัญในทุกมิติมันแทรกไปในชีวิตของทุกคน และก็กลายมาเป็น “สื่อใหม่” ที่ทรงอิทธิพลที่สุดไปแล้ว
ทำให้ภาคธุรกิจ ต้องมีการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดกันใหม่ เพื่อรับกับพฤติกรรมการใช้และบริโภคสื่อของผู้คนในสังคม
พูดง่ายๆ คือ “การตลาดออนไลน์” มันไม่ใช่แค่ “ทางเลือก” ของการทำการตลาดอีกแบบหนึ่งแล้ว แต่เป็นสิ่งที่ยังไงก็ต้องทำ
สำหรับบริษัทที่จะก้าวมาทำการตลาดออนไลน์ สิ่งแรกสุดที่ต้องถามตัวเองคือบริษัทจะทำงานส่วนนี้เอง หรือจะไปจ้างดิจิทัลเอเจนซี่ที่พร้อมจะให้บริการการทำการตลาดออนไลน์ในทุกระดับ?
เราจะตัดสินใจอย่างไรดี? เราจะใช้เกณฑ์อะไรในการตัดสินว่าจะใช้เอเจนซี่หรือไม่ นี่คือข้อพิจารณาบางประการครับ
ขนาดของบริษัท
ปัจจัยแรกที่ต้องคำนึงถึงก่อยเลยคือขนาดของบริษัทและธุรกิจ ถ้าธุรกิจเรามีขนาดกลางถึงใหญ่ การจ้างเอเจนซี่มาทำการตลาดออนไนล์ก็อาจคุ้มค่าในแง่ที่ว่าเราไม่ต้องเอางบประมาณเราไปใช้ในการทำสิ่งที่บริษัทเราไม่ถนัดนัก ส่วนถ้าบริษัทเป็นขนาดเล็กไปเลย การจ้างเอเจนซี่มาทำการตลาดออนไลน์ด้วยงบขั้นต่ำหลักแสนก็อาจไม่สอดคล้องกับงบประมาณด้านการตลาดของเรา
ความเฉพาะของธุรกิจ
แม้ว่าเอเจนซี่การตลาดออนไลน์จะมีให้เลือกหลากหลาย และก็มีความชำนาญที่แตกต่างกัน เราก็ต้องเข้าใจด้วยว่า ถ้าธุรกิจเรามีความเฉพาะมากๆ เราก็อาจหาเอเจนซี่ที่มีความถนัดระดับที่จะคุ้มค่าเงินของเราที่จ้างเขามาทำ ดังนั้นเราต้องดูด้วยว่าสินค้าและบริการของเรา “เข้าใจยาก” แค่ไหนก่อนจะคิดถึงเอเจนซี่ ถ้าสินค้าทั่วไป เข้าใจได้ไม่ยาก เอเจนซี่อาจเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าสินค้าเข้าใจยากมาก การทำการตลาดออนไลน์ด้วยบุคคลากรของทางบริษัทเองอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
ประสบการณ์และบุคลากรด้านไอทีของบริษัท
ทางเลือกในการจ้างเอเจนซี่หรือไม่ก็อาจขึ้นอยู่กับว่าบริษัทมีพื้นฐานด้านไอทีแค่ไหนมาแล้วด้วย บริษัทที่ทำการค้าออฟไลน์แบบสิ้นเชิงแล้วจู่ๆ จะกระโดดมาทำออนไลน์เลยแบบเริ่มจากศูนย์นั้นก็น่าจะได้ประโยชน์จากการจ้างเหล่าดิจิทัลเอเจนซี่มาช่วยทำงานการตลาดมากกว่าบริษัทที่ทำอีคอมเมิร์ซอยู่บ้างแล้ว และมีฝ่ายไอทีที่จะช่วยเหลือทางเทคนิคได้พอสมควรอยู่แล้ว
วิสัยทัศน์ด้านไอทีของบริษัท
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการตัดสินใจว่าบริษัทจะทำการตลาดออนไลน์เองหรือจะจ้างเอเจนซี่ก็คือวิสัยทัศน์ด้านไอทีของบริษัท พูดง่ายๆ ก็คือคำถามที่ว่าบริษัทจะโตต่อไปอย่างไรในโลกที่ค่อยๆ เป็นดิจิทัลไปเรื่อยๆ ถ้าบริษัทเน้นจะโตไปแบบดิจิทัลเลย การลงทุนทำการตลาดออนไลน์มันก็อาจเป็นแค่ส่วนเสริมเล็กๆ ของการลงทุนด้านดิจิทัลของแผนกอื่นๆ ซึ่งการที่บริษัททำเองทั้งหมดนี้ ข้อดีที่สุดของมันก็คือ ข้อมูลก็จะประสานกันได้อย่างรวดเร็วและไม่รั่วไหลไปไหน เช่น ข้อมูลจากฝ่ายขายที่เป็น Insight เกี่ยวกับลูกค้าก็จะสามารถไปเป็นวัตถุดิบในการคิดแคมเปญทางการตลาดของฝ่ายการตลาดออนไลน์ได้ทันทีเป็นต้น ซึ่งถ้าบริษัทมีลักษณะแบบนี้ก็ควรจะลงทุนทำการตลาดด้านดิจิทัลเองดีกว่า ส่วนถ้าสินค้าและบริการของบริษัทนั้นไม่ได้มีธรรมชาติจะเกี่ยวกับโลกออนไลน์หรืออีคอมเมิร์ซอยู่แล้วในระยะยาว การว่าจ้างเอเจนซี่ก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเพราะจะทำให้บริษัทสามารถมุ่งทำสิ่งที่บริษัทมีความถนัดในโลกออฟไลน์ได้เต็มที่
อ่านมาถึงตรงนี้ ถ้ายังไม่เห็นภาพนักว่าบริษัทของคุณควรจะจ้างเอเจนซี่ทำการตลาดออนไลน์หรือทำเองดีหรือเปล่า เราก็เลยอยากจะยกตัวอย่างเคสในอุดมคติ 2 เคสเลยของการที่บริษัทควรจะทำเองหรือบริษัทควรจะจ้างเอเจนซี่
เคสแรก บริษัท A เป็นบริษัทเล็กๆ พนักงานหลักสิบคน สินค้าหลักเป็นซอฟต์แวร์สำหรับภาคธุรกิจ ซึ่งเป็นสินค้าที่ค่อนข้างมีเอกลักษณ์มากๆ ในท้องตลาด เคสแบบนี้บริษัทควรจะทำเองชัดเจนครับ เพราะอย่างแรกเลยคืองบประมาณบริษัทน่าจะมีน้อยการจ้างเอเจนซี่น่าจะเกินงบ นอกจากนี้การที่ผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีเอกลักษณ์มากๆ โอกาสหาเอเจนซี่ที่จะทำงานการตลาดของผลิตภัณฑ์ได้ดีมีความเข้าใจก็ยากอยู่แล้ว งบน้อยยิ่งยากไปใหญ่ ดังนั้นในกรณีนี้บริษัทควรจะว่าจ้างพนักงานเพิ่มมาเพื่อทำการตลาดออนไลน์โดยเฉพาะ ก็จะเป็นทางออกที่เหมาะกับบริษัทที่สุด
เคสสอง บริษัท B เป็นบริษัทใหญ่เลย พนักงานหลักพันคน ขายสินค้าทั่วไปในท้องตลาดแบบออฟไลน์เป็นหลัก แต่บริษัทกำลังต้องการจะย้ายการทำการตลาดแบบออฟไลน์ขึ้นมาออนไลน์โดยที่บริษัทไม่มีประสบการณ์มาก่อนเลย เคสแบบนี้ บริษัทควรจะจ้างเอเจนซี่มาทำค่อนข้างจะชัดเจน เพราะการสร้างหน่วยการตลาดออนไลน์ขึ้นมาใหม่ในบริษัทมันไม่เป็นการเสริมจุดแข็งใดๆ ของบริษัทเลย และเนื่องจากสินค้าที่บริษัทขายไม่มีความซับซ้อนและงบประมาณในการว่าจ้างของบริษัทก็ค่อนข้างสูง เอเจนซี่การตลาดออนไลน์ที่เป็นชอยซ์ให้เลือกว่าจ้างก็น่าจะมีเยอะมาก ทำให้บริษัทสามารถเลือกเอเจนซี่ที่เหมาะกับงานได้อย่างเหมาะสมด้วย
สองเคสนี้เป็นเคสอุดมคติที่เราจะตัดสินใจไม่ยากเลยว่าเราควรจะจ้างเอเจนซี่มาทำการตลาดออนไลน์หรือไม่ แต่ในอีกกรณีหลายๆ เช่น บริษัทไซส์กลางๆ ที่มีผลิตภัณฑ์ที่ต้องการความเข้าใจตลาดสูงมากในการทำการตลาด หรือในกรณีบริษัทใหญ่ๆ ที่ขายสินค้าออนไลน์อยู่แล้ว แต่ยังไม่มีแผนกการตลาดออนไลน์อย่างเป็นกิจลักษณะเลย เคสเหล่านี้ไม่มีความชัดเจนเท่าไรว่าการจ้างเอเจนซี่มาทำการตลาดออนไลน์ให้ หรือบริษัทจะลุยเปิดแผนกการตลาดออนไลน์เองจะคุ้มกว่า ซึ่งทางบริษัทก็อาจต้องพิจารณาและชั่งตวงวัดเองในรายละเอียดอื่นเป็นองค์ประกอบครับ
ติดตามความรู้เกี่ยวกับการทำธุรกิจ SMEs อื่น ๆ และข้อมูลผลิตภัณฑ์สินเชื่อธุรกิจ SMEs ได้ที่ Facebook Fanpage Krungthai SME หรือ ทาง Website https://sme.ktb.co.th/