เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีจีน...บุกไทย
โดย พัชรินทร์ รัตนพงศ์ภิญโญ หัวหน้าส่วนวิจัยความเสี่ยงธุรกิจ ฝ่ายวิจัยความเสี่ยงธุรกิจ
เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี เป็นกลุ่มเหล็กแผ่นเคลือบ ที่ใช้งานหลากหลาย เช่น ธุรกิจก่อสร้าง อุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น โดยในปี 2558 มีความต้องการใช้ในประเทศถึงเกือบ 2 ล้านตัน แต่กลับมีการผลิตในประเทศเพียง 0.6 ล้านตันเท่านั้น การนำเข้าจึงสูงมาก โดยเฉพาะการนำเข้าจากจีน ซึ่งมีราคาต่ำกว่า จนผู้ผลิตไม่สามารถแข่งขันได้ และต้องร้องขอให้ภาครัฐเข้าช่วยเหลือ
การผลิตเพิ่มขึ้น...เพื่อทดแทนการนำเข้า
เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี มีผู้ผลิตประมาณ 10 ราย ใช้เหล็กแผ่นรีดเย็นเป็นวัตถุดิบ โดยแบ่งประเภทผลิตภัณฑ์ ได้ดังนี้
1. เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี โดยวิธีการจุ่มร้อน (Hot Dipped Galvanized - HDG) จะป้องกันการเกิดสนิมได้ดี และมีคุณสมบัติการทาสีติด การใช้งาน เช่น กรอบประตู พื้นสำเร็จรูป ผนังภายในและภายนอกอาคาร อุปกรณ์ระบายความร้อน ท่อระบายอากาศ เป็นต้น
2. เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี โดยวิธีการจุ่มร้อนและอบ (Galvaneal หรือ Iron-Zinc coating - IZ) ผลิตภัณฑ์จะสามารถทาสีติด และการเชื่อมที่ดีกว่า HDG จึงใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะชิ้นส่วนตัวถังภายนอกที่ต้องการคุณสมบัติของการทาสี และการเชื่อมที่ดี การผลิตถังน้ำมันรถยนต์ เป็นต้น
3. เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี โดยวิธีทางไฟฟ้า (Electro galvanized steel) การใช้งาน เช่น ตัวถังและชิ้นส่วนภายนอกรถยนต์ ฝาครอบมอเตอร์ ฝาครอบคอมพิวเตอร์ (Computer casing) เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีแผ่นเหล็กเคลือบโลหะผสมระหว่างสังกะสีกับอะลูมิเนียม Galvalume (Zincalume) หรือเมทัลชีท ใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ และงานทั่วไป เช่น ป้ายจราจรบนทางหลวง เป็นต้น ซึ่งมีความทนทานมากกว่า จึงได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว และทำให้ผู้ผลิตต้องผลิตเมทัลชีทด้วย เพื่อสนองความต้องการของลูกค้าอีกทางหนึ่ง
การผลิตแผ่นเหล็กเคลือบสังกะสีในไทย ส่วนใหญ่เป็นวิธีแบบจุ่มร้อน HDG มีเพียง บริษัท เหล็กแผ่นเคลือบไทย จำกัด เท่านั้นที่ผลิต โดยวิธีทางไฟฟ้า ส่วน บริษัท เจเอฟอี สตีล กัลวาไนซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เอ็นเอส-สยามยูไนเต็ดสตีล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทญี่ปุ่น ผลิตโดยวิธีการจุ่มร้อนและอบ ทำให้ได้แผ่นเหล็กเคลือบสังกะสีที่มีคุณภาพสูง ใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ เพื่อลดการนำเข้าและสามารถส่งออกได้
โดยในปี 2558 การผลิตเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 133.4 เนื่องจาก บริษัท เจเอฟอี สตีล กัลวาไนซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เอ็นเอส-สยามยูไนเต็ดสตีล จำกัด ขยายกำลังการผลิตในปี 2557 ทำให้การผลิตเพิ่มขึ้นมาก ส่งผลให้การนำเข้าจากญี่ปุ่นในปี 2558 ลดลง ขณะที่ความต้องการของตลาดเพิ่มขึ้นจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายตัวตามแนวการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า และตามชุมชนเมืองต่างๆ เพื่อรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ส่วนการผลิตรถยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ สำหรับในปี 2559 ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ทำให้ผู้บริโภคชะลอการใช้จ่าย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวและมีอุปทานส่วนเกินอยู่มาก แต่ยังมีการขยายสาขาของธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่ง และการซ่อมแซมอาคารที่อยู่อาศัยหลังน้ำท่วมตามภาคต่างๆ รวมทั้งการฟื้นตัวของการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า ทำให้ความต้องการเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสียังคงเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.1
จีน...คู่แข่งสำคัญ
ในปี 2559 ไทยนำเข้า 1,416.8 พันตัน มูลค่า 31,475.9 ล้านบาท ปริมาณและมูลค่าลดลงจากปีก่อนร้อยละ 0.1 และ 13.5 ตามลำดับ โดยการนำเข้าจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวันลดลงต่อเนื่อง แต่การนำเข้าจากจีนยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะจีนมีผลผลิตเหล็กส่วนเกินจำนวนมาก กอปรกับผลจากการข้อตกลงเปิดการค้าเสรีระหว่างอาเซียน-จีน (ACFTA) เมื่อปี 2553 ได้รับยกเว้นภาษีนำเข้า จึงส่งออกมาไทย กระทบต่อผู้ผลิตในประเทศของไทย หลายรายประสบปัญหาขาดทุน เพราะไม่สามารถแข่งกับสินค้าจีนที่มีราคาถูกกว่าได้ ทางสมาคมการค้าผู้ผลิตเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี ซึ่งประกอบไปด้วย บริษัท กรุงเทพผลิตเหล็ก จำกัด(มหาชน), บริษัท ราชสีมาผลิตเหล็ก จำกัด, บริษัท สังกะสีไทย จำกัด, บริษัท เคทีซีโฮม จำกัด, บริษัท ประมวลสินสตีล จำกัด, บริษัท เจเอฟอี สตีล กัลวาไนซิ่ง(ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท นิปปอนสตีล แอนด์ ซูมิคิน กัลวาไนซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (ปัจจุบัน คือ บริษัท เอ็นเอส-สยามยูไนเต็ดสตีล จำกัด) และบริษัท ดองบูไทยสตีล จำกัด จึงได้ยื่นเรื่องขอให้กรมการค้าต่างประเทศเปิดไต่สวนการทุ่มตลาด และกรมฯได้เปิดไต่สวนเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี แบบจุ่มร้อน ที่นำเข้าจากจีน เกาหลีใต้ และไต้หวัน เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2559 ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันผู้ผลิตไทยก็ได้ปรับตัวเพื่อแข่งขันมากขึ้น เช่น การผลิตสินค้าหลายประเภท รวมทั้งการนำเข้าเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า การเพิ่มธุรกิจบริการเพื่อเพิ่มรายได้ อาทิ รับเหมาติดตั้ง งานซ่อมบำรุงเครื่องจักรอุตสาหกรรม งานซ่อมบำรุง ล้างอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น แต่รายเล็กจะปรับตัวได้ยาก
ปี 2560 แม้ตลาดโต...แต่ยังแข่งขันสูง
ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2560 คาดว่า ตลาดยังเติบโตที่ระดับร้อยละ 3-5 ภายใต้ปัจจัยเสี่ยง คือ กำลังซื้อผู้บริโภคลดลง จากปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง และธนาคารเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ทั้งสินเชื่อโครงการและสินเชื่อรายย่อย ขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยยังมีอุปทานส่วนเกินอยู่มาก ประกอบกับผู้ประกอบการรายใหญ่จะเริ่มทยอยเปิดโครงการใหม่ที่เลื่อนเปิดในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์แข่งขันด้านราคาสูง ผู้ประกอบการรายย่อยจะเสียเปรียบ ด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ สภาอุตสาหกรรมคาดว่าการผลิตรถยนต์ในปีนี้ มีปริมาณ 2 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 2.56 ขณะที่สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม คาดว่าอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ การผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 จากการฟื้นตัวของตลาดในประเทศและตลาดส่งออก ส่งผลให้ความต้องการเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีโน้มสูงขึ้น แต่เนื่องจากไทยนำเข้าเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีถึงเกือบร้อยละ 70 ของปริมาณการใช้ในประเทศ และมาตรการ AD ใช้เวลาไต่สวน 1 ปี ผู้ผลิตในประเทศจึงยังประสบปัญหาการแข่งขันจากการนำเข้าอยู่
Disclaimer : ข้อมูลในบทความ เป็นข้อมูลที่วิเคราะห์และรวบรวมจากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น โดย บมจ.ธนาคารกรุงไทย และผู้เขียน จะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่าโดยทางใด
อัพเดทเมื่อ 07/11/2560
